ลิโอเนล เมสซี่(Lionel Andres Messi Cuccittini)
ปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง,บาร์เซโลน่า,บาร์เซโลน่า 2,บาร์เซโลน่า(U19),บาร์เซโลน่า(U16),นีเวลล์ โอลด์ บอยส์
ลิโอเนล อันเดรส เมสซิ กูซิตินิ (สเปน: Lionel Andrés Messi Cuccittini, เสียงอ่าน: [ljoˈnel anˈdɾes ˈmesi]; เกิด 24 มิถุนายน ค.ศ. 1987) เป็นนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหน้าให้กับบาร์เซโลนา และทีมชาติอาร์เจนตินา เขายังถือสัญชาติสเปนอีกด้วย ซึ่งทำให้เขาถือว่าเป็นนักฟุตบอลยุโรป เขาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในรุ่นของเขาเอง และมักถูกกล่าวถึงว่าเป็นผู้เล่นร่วมสมัยที่ดีที่สุดในโลก
เมสซิได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปและรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปีเมื่อเขาอายุ 21 ปี และได้รับรางวัลในปี ค.ศ. 2009 (นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปและรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปี ค.ศ. 2009) และได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปี ค.ศ. 2010 ,2011 และ 2012 สไตล์การเล่นของเขาและความสามารถ มักถูกเปรียบเทียบเสมอดิเอโก มาราโดนา ซึ่งพูดถึงเมสซิว่าเป็นผู้สืบทอดจากเขา
เมสซิเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อยและบาร์เซโลนาก็ค้นพบแนวโน้มที่ดีของเขาอย่างรวดเร็ว เขาออกจากทีมเยาวชนสโมสรกีฬานิวเวลส์โอลด์บอยส์ เมืองโรซาริโอ เมื่อปี ค.ศ. 2000 และย้ายพร้อมครอบครัวไปอยู่ยุโรป โดยบาร์เซโลนาเสนอในการรักษาภาวะขาดฮอร์โมนการเจริญเติบโตให้กับเมสซิ เขาเปิดตัวครั้งแรกในฤดูกาล 2004–05 โดยทำลายสถิติทีม โดยเป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในลีก เกียรติประวัติในฤดูกาลแรกของเขาคือชนะการแข่งขันในลาลิกา และชนะครั้งที่ 2 ในลีก รวมถึงในแชมเปียนส์ลีก ในปี ค.ศ. 2006 ฤดูกาลแจ้งเกิดของเขาคือฤดูกาล 2006–07 เขาเป็นผู้เล่นในทีมชุดใหญ่เต็มตัว โดยทำแฮตทริกในเอลกลาซิโก จบฤดูกาลยิงประตู 14 ประตู ใน 26 เกมในลีก จากนั้นเมสซิก็ประสบความสำเร็จที่สุดในอาชีพของเขาในฤดูกาล 2008–09 ยิงประตู 38 ประตู เป็นส่วนสำคัญของทีมในการชนะ 3 รายการในฤดูกาลเดียว แต่แล้วสถิตินี้ก็ถูกบดบังไปในฤดูกาลถัดมา ฤดูกาล 2009–10 ที่เมสซิยิงประตูไป 47 ประตูในทุกการแข่งขัน เทียบเท่าสถิติของโรนัลโดที่เคยทำให้กับบาร์เซโลนา แต่เขาก็ทำลายสถิตินี้ในฤดูกาล 2010–11 กับประตู 53 ประตูในทุกการแข่งขัน แต่สถิติการยิงประตูสูงสุดของเมสซิเกิดขึ้นในฤดูกาลถัดมา คือฤดูกาล 2011-12 ซึ่งเขายิงประตูรวมในทุกการแข่งขันได้ถึง 82 ประตู และในปี 2012 นี้ เมสซิยังสามารถทำลายสถิติยิงมากที่สุดใน 1 ปีปฏิทินของเกิร์ด มึลเลอร์ ซึ่งทำไว้ที่ 85 ประตูใน 1 ปีตั้งแต่ปี 1972 โดยเมสซิได้ทำสถิติใหม่ไว้สูงถึง 91 ประตู ใน 1 ปี ปฏิทินเลยทีเดียว
เมสซิเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ชนะเลิศในลาลิกา 8 ครั้ง แชมเปียนส์ลีก 4 ครั้ง โดยยิงประตูได้ 2 ประตูในนัดตัดสิน ในนัดชิงแชมเปียนส์ลีกกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทั้งในปี ค.ศ. 2009 และ 2011 โดยเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัดในปี 2011 ด้วย อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญกับทุกประตูในนัดชิงชนะเลิศปี 2015 กับยูเวนตุส เขาไม่ได้ลงสนามในนัดที่บาร์เซโลนาชนะอาร์เซนอลในปี ค.ศ. 2006 เนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่ก็ได้รับเหรียญทองในฐานะผู้ชนะในการแข่งขัน
หลังจากยิง 12 ประตูในแชมเปียนส์ลีกฤดูกาล 2010–11 ทำให้เมสซิเป็นนักฟุตบอลที่ยิงประตูได้สูงสุดใน 1 ฤดูกาลเทียบเท่า รืด ฟัน นิสเติลโรย และยิงประตูรวมสูงสุดในแชมเปี้ยส์ลีกอันดับ 3 รองจากเกิร์ด มึลเลอร์และฌ็อง-ปีแยร์ ปาแป็ง เมสซิทำลายสถิติยิงสูงสุดใน 1 ฤดูกาลขึ้นครองสถิติคนเดียวในฤดูกาลถัดมา คือ 2011-12 ด้วยจำนวนประตู 14 ประตูใน 1 ฤดูกาล และนั่นทำให้เมสซิเป็นคนแรกที่ได้รับรางวัลผู้ทำประตูสูงสุดในแชมเปียนส์ลีก 4 ปีติดต่อกัน หลังจากที่แชมเปียนส์ลีกเปลี่ยนระบบการแข่งขันในปี ค.ศ. 1992 ในฤดูกาล 2014-15 เมสซิสามารถทำลายสถิติยิงประตูสูงสุดในแชมเปียนส์ลีกของราอุล กอนซาเลซ ที่ทำไว้ 71 ประตูลงได้ และครองตำแหน่งดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของแชมเปี้ยส์ลีกร่วมกับคริสเตียโน โรนัลโดหลังจบฤดูกาล 2014-15 ที่ 77 ประตู
ปัจจุบัน เมสซิ เป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลให้กับทีมชาติอาร์เจนตินา เขาเล่นให้กับทีมชาติครั้งแรกในรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี ยังอยู่ในชุดชนะเลิศถ้วยฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี.ในปี 2005 โดยเป็นผู้ทำประตูสูงสุดถึง 6 ประตู รวมถึง 2 ประตูในนัดชิงชนะเลิศ และได้รับรางวัลโกลเดนบอลหรือผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำรายการแข่งขัน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอาร์เจนตินา ชุดใหญ่ และในปี ค.ศ. 2006 เขาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินาที่อายุน้อยที่สุดที่เล่นในฟุตบอลโลก ในปีถัดมาเขายังพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศโกปาอาเมริกา เขาได้รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมอีกด้วย และในปี ค.ศ. 2008 เขาได้รับเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ที่ปักกิ่ง, ในปี 2014 เมสซินำทีมชาติอาร์เจนตินาเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกกับทีมชาติเยอรมัน แต่แพ้ไป 1-0 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เมสซิได้รับรางวัลโกลเดนบอลและผู้เล่นทรงคุณค่าของรายการแข่งขันด้วย, และในช่วงเวลาต่อมาเข้ายังพาทีมผ่านเข้าชิงชนะเลิศโกปาอาเมริกาถึง 2 ครั้งในปี 2015 และ 2016 ซึ่งแพ้ให้กับชิลี ทั้ง 2 ครั้ง